มันคือค่ำคืนอันเป็นประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง สำหรับทีมชาติสเปนที่ได้โอกาสเข้ามาเล่นในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก แล้วสามารถคว้าแชมป์โลกไปครองได้ในทันทีจนเกิดเป็นยุคทองของทีมชาติสเปนขึ้นตั้งแต่ปี 2008-2012 ส่วนทางคู่ต่อสู้ในรอบชิงชนะเลิศอย่าง ฮอลแลนด์ นี่คือการเข้ามาชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 3 แล้ว และพวกเขาก็หวังจะลบล้างอาถรรพ์กับฉายาอีก 1 อย่างของทีมว่า “ราชันย์ไร้มงกุฎ” ออกไปจากทีมเสียที และพวกเขาก็มีเหล่านักเตะซูเปอร์สตาร์ที่อยู่ในจุดพีคด้วยกันเกือบทั้งหมดเลยทีเดียว
แต่ใช่ว่าจะมีนักเตะฮอลแลนด์ฝั่งเดียวกันล่ะที่พีค เพราะฝั่งของสเปนเองก็กำลังพีคเช่นกัน ในเกมการแข่งขันนัดนี้ ตลอด 90 นาที ลองย้อนไปวิเคราะห์บอลในเวลานั้น มันคือความสนุกอย่างแท้จริง พวกเขาดวลแข้งกันอย่างดุเดือดเลยทีเดียวจนกระทั่งว่ามันก็ยังคงเสมอกันอยู่ 0-0 จนกระทั่งมันต้องไปเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษ 30 นาทีซะแบบนั้น
ในช่วงเวลาดังกล่าว ทีมชาติสเปนได้ส่งตัวของ เชส ฟาเบรกัส ลงมาเล่นจนได้ และทางฮอลแลนด์นั้นก็เกือบได้ประตูชัยจากจังหวะที่ เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ แทงลูกทะลุช่องให้ อาร์เยน ร็อบเบน หลุดเดี่ยว แต่พี่แกก็ยังยิงติดเท้าของ อิเคร์ คาซิยาส ซะแบบนั้น
และต่อมาในจังหวะที่สเปนได้บุกนั้น เชส ฟาเบรกัส มีโอกาสสบช่องจ่ายบอลทะลุช่องให้ อันเดรส อิเนียสต้า เพลย์เมกเกอร์รุ่นพี่ที่ได้หลุดเข้าไปรับบอลในเขตโทษ และเขาก็จับบอล 1 จังหวะให้บอลกระดอนขึ้นก่อนหวดตูมด้วยขวา ส่งบอลพุ่งเข้าเสียบตาข่ายอย่างเด็ดขาด และนั่นก็กลายเป็นประตูชัยให้สเปนคว้าแชมป์โลกสมัยแรกให้กับตัวเองได้สำเร็จ