แกรม ซูเนสส์ อดีตผู้จัดการทีมของ ลิเวอร์พูล ออกมาเปิดเผยถึงโอกาสในการเซ็นสัญญา เอริค คันโตน่า ไปร่วมทีม ก่อนที่นักเตะจะย้ายไปยังลีดส์ ยูไนเต็ด ในปี 1992 และไปแจ้งเกิดจนเป็นตำนานให้กับคู่แข่งของทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
คันโตน่าโชว์ฟอร์มการเล่นออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และได้แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ในการเล่นฟุตบอล เมื่อตอนที่ลิเวอร์พูลพบกับโอแซร์ ในปี 1991 โดยมิเชล พลาตินี่ ผู้จัดการทีมชาติฝรั่งเศสในช่วงเวลาดังกล่าวได้แนะนำให้ซูเนสส์คว้าตัวคันโตน่าไปร่วมทีม หลังนักเตะมีศักยภาพในการเล่นมากมาย
แต่ซูเนสส์ไม่ได้ตัดสินใจที่จะดึงคันโตน่าไปยังถิ่นแอนฟิลด์ ก่อนที่จะเป็นลีดส์ที่คว้าลายเซ็นของนักเตะไปยังเอลแลนด์ โร้ด ในเดือนมกราคม ปี 1992 หลังเคยไปทดสอบฝีเท้ากับเชฟฟิลด์ เว้นด์สเดย์ด้วย แต่นักเตะก็ลงเล่นให้กับต้นสังกัดไม่กี่เดือนเท่านั้น ก่อนที่จะย้ายไปยังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดในปีเดียวกัน จนกลายเป็นกำลังสำคัญหลักให้กับทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และมีส่วนช่วยให้ทีมครองความยิ่งใหญ่ของเกาะอังกฤษแทนลิเวอร์พูล
ซูเนสส์เปิดเผยกับสกายสปอร์ตว่า “ผมเป็นผู้จัดการทีมให้กับลิเวอร์พูล และพวกเราก็เจอกับโอแซร์ในฟุตบอลคัพ วินเนอร์ส คัพ และพวกเราก็บุกไปแพ้มาด้วยสกอร์ 2-0 พวกเรากลับมาได้ จากการเล่นในบ้าน และเอาชนะพวกเขาได้ 3-0 หลังเกม เทอร์รี่ ลิตเติลวู้ด ที่ดูแลห้องนักเตะของผม เขามาเคาะประตูห้องของผม และบอกว่า มีเพื่อนของผมต้องการคุยกับผม”
“ผมถามว่าใคร เขาบอกว่า มิเชล พลาตินี่ เขาไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทกับผม กับครั้งแรกของผมเมื่อตอนที่ผมได้เล่นในอิตาลี และเจอกับเขา เขาเข้ามา และบอกว่า ผมอยากเสนอนักเตะให้คุณ เขาอาจจะเป็นปัญหาจริงๆ ให้กับฝรั่งเศส แต่เขาเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์ และเขาก็สมบูรณ์แบบสำหรับสโมสรของคุณ ผมบอกเขาไปว่า มิเชล ผมต้องต่อสู้กับความร้อนแรงของที่นี่ ผมไม่ต้องการเจอกับปัญหาในทีม และสุดท้าย พวกเราก็เห็นไม่ตรงกัน”
“เอริคมาซ้อมกับเชฟฟิลด์ เว้นด์สเดย์ และเขาก็เซ็นสัญญากับลีดส์ ที่เหลือมันกลายเป็นประวัติศาสตร์ เมื่อตอนที่เขาไปยูไนเต็ด พวกเขาเป็นทีมดาวรุ่ง และทีมดาวรุ่งก็ต้องการนักเตะแบบเขา ผมคิดว่า เอริค เป็นหนึ่งในนักเตะคนสำคัญของพวกเขาที่ทำให้ประสบความสำเร็จ”
คันโตน่า ลงสนามให้กับแมนฯ ยูไนเต็ดไปทั้งหมด 185 เกมรวมทุกรายการ ช่วยทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย และเอฟเอ คัพ 2 สมัย ในขณะที่ลิเวอร์พูลของซูเนสส์ต้องรอคอยแชมป์ลีกสูงสุดมาถึง 30 ปีจนถึงปัจจุบัน